เมล็ดพันธุ์ มะเขือเทศฮันนี่เลม่อน

30 ฿

  • จำนวน 20 เมล็ด
  • วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวพรรณสดใส
  • มีสารประกอบฟีนอลและแคโรทีนอยด์ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย และอาจมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นเอกลักษณ์เนื่องจากสีและรสชาติ
  • วิตามินเอและลูทีนมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา
  • อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค โพแทสเซียม และไลโคปีน (แม้ว่าสีจะต่างกัน แต่ก็ยังมีไลโคปีนและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น เบต้าแคโรทีนและลูทีน)

เมล็ดพันธุ์ มะเขือเทศฮันนี่เลม่อน 20 เมล็ด

มะเขือเทศฮันนี่เลม่อน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Solanum lycopersicum) มะเขือเทศฮันนี่เลม่อน (Honey Lemon Tomato) เป็นมะเขือเทศชนิดหนึ่งในกลุ่มมะเขือเทศเชอร์รีหรือองุ่น มีลักษณะเด่นคือ ผลมีขนาดเล็ก รูปทรงรีหรือกลมมน และมีสีเหลืองสดใสคล้ายสีของน้ำผึ้งหรือเลมอน

คุณสมบัติ

  • ลักษณะผล
    • ขนาดเล็ก รูปทรงรีหรือกลมมน คล้ายมะเขือเทศเชอร์รีหรือองุ่น ออกผลเป็นพวงยาว
  • สีของผล
    • เมื่อสุกจะมีสีเหลืองสดใสคล้ายน้ำผึ้งหรือเลมอน
  • รสชาติ
    • หวานฉ่ำ มีกลิ่นหอมคล้ายผลไม้ มีความเป็นกรดต่ำ รสชาติโดยรวมกลมกล่อมคล้ายน้ำผึ้งผสมเลมอน
  • เนื้อสัมผัส
    • เนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ ผิวบาง
  • ต้น
    • เป็นไม้ล้มลุก อายุประมาณ 1 ปี ส่วนใหญ่เป็นชนิดเลื้อย
  • การเจริญเติบโต
    • เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศอบอุ่น ต้องการแสงแดดจัด และดินร่วนระบายน้ำได้ดี
  • ความโดดเด่น
    • สีเหลืองสดใส รสชาติหวานหอมเป็นเอกลักษณ์

ประโยชน์ของมะเขือเทศฮันนี่เลม่อน

  1. แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ
    • อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค โพแทสเซียม และไลโคปีน (แม้ว่าสีจะต่างกัน แต่ก็ยังมีไลโคปีนและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น เบต้าแคโรทีนและลูทีน)
  2. สารต้านอนุมูลอิสระ
    • มีสารประกอบฟีนอลและแคโรทีนอยด์ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย และอาจมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นเอกลักษณ์เนื่องจากสีและรสชาติ
  3. ช่วยบำรุงสายตา
    • วิตามินเอและลูทีนมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา
  4. ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร
    • มีใยอาหารช่วยในการขับถ่าย
  5. บำรุงผิวพรรณ
    • วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวพรรณสดใส
  6. มีแคลอรี่ต่ำ
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  7. ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลาย
    • เหมาะสำหรับรับประทานสด ทำสลัด เสียบไม้เป็นอาหารว่าง หรือใช้ตกแต่งจานอาหาร ให้สีสันสดใสและรสชาติที่น่าสนใจ

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมเมล็ด
    • สามารถใช้เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศฮันนี่เลม่อนที่ซื้อมา
  2. การเพาะกล้า
    • เพาะเมล็ดในวัสดุเพาะ เช่น ดินเพาะกล้าสำเร็จรูป หรือพีทมอส
    • กลบเมล็ดบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม และวางในที่ร่มรำไรที่มีอากาศถ่ายเท
    • เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ และลำต้นแข็งแรง สูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร สามารถย้ายลงกระถางเพาะชำก่อน หรือย้ายลงแปลงปลูกโดยตรง
  3. การเตรียมดินและแปลงปลูก
    • เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
    • ดินควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง pH ประมาณ 6.0-6.8
    • ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
    • หากปลูกในกระถาง ควรเลือกกระถางที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 20-30 เซนติเมตร
  4. การย้ายกล้า
    • ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินของต้นกล้าเล็กน้อย
    • นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินเบาๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
    • เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 40-60 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 60-80 เซนติเมตร
  5. การดูแลรักษา
    • การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นยังเล็ก ช่วงออกดอก และติดผล ควรรดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการรดน้ำโดนใบโดยตรงเพื่อลดความเสี่ยงของโรค
    • การใส่ปุ๋ย ให้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วนตามช่วงการเจริญเติบโต เช่น ปุ๋ยสูตรเสมอในช่วงแรก และเน้นปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงในช่วงติดผล อาจให้ปุ๋ยน้ำสัปดาห์ละครั้ง
    • การทำค้าง มะเขือเทศฮันนี่เลม่อนส่วนใหญ่เป็นชนิดเลื้อย ควรทำค้างหรือใช้หลักเพื่อพยุงลำต้นและผล
    • การเด็ดหน่อข้าง เด็ดหน่อข้างที่แตกออกมาจากซอกใบ เพื่อให้ต้นหลักเจริญเติบโตได้ดีและมีผลผลิตดี
    • การกำจัดวัชพืช หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นมะเขือเทศ
    • การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและโรค มะเขือเทศอาจถูกรบกวนโดยแมลงและโรคต่างๆ ควรตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอและจัดการด้วยวิธีที่เหมาะสม
  6. การเก็บเกี่ยว
    • มะเขือเทศฮันนี่เลม่อนสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลมีสีเหลืองสดใสและเริ่มนิ่มเล็กน้อย โดยสามารถทยอยเก็บเกี่ยวได้เรื่อยๆ เมื่อผลสุกและมีรสชาติหวานหอมตามต้องการ