เมล็ดพันธุ์ มะเขือเทศส้ม 100 เมล็ด
มะเขือเทศส้ม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Solanum lycopersicum) มีลักษณะเด่นคือ ผลมีสีส้มสดใส เมื่อสุกเต็มที่ รูปร่างและขนาดของผลอาจแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ มีทั้งที่เป็นทรงกลม ทรงรี หรือรูปไข่ ขนาดอาจเล็กเหมือนมะเขือเทศเชอร์รี หรือใหญ่เหมือนมะเขือเทศทั่วไป รสชาติโดยทั่วไปจะมีความหวานมากกว่ามะเขือเทศแดง และมีความเป็นกรดต่ำ
คุณสมบัติ
- ลักษณะผล
- มีหลากหลายรูปทรงและขนาด ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ (กลม รี ไข่ เล็ก ใหญ่)
- สีของผล
- เมื่อสุกจะมีสีส้มสดใส
- รสชาติ
- หวานกว่ามะเขือเทศแดง มีความเป็นกรดต่ำ
- เนื้อสัมผัส
- เนื้อแน่น ฉ่ำน้ำ
- ต้น
- เป็นไม้ล้มลุก อายุประมาณ 1 ปี มีทั้งชนิดเลื้อยและไม่เลื้อย ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
- การเจริญเติบโต
- เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศอบอุ่น ต้องการแสงแดดจัด และดินร่วนระบายน้ำได้ดี
- ความหลากหลาย
- มีหลายสายพันธุ์ย่อยที่มีขนาด รูปร่าง และเฉดสีส้มแตกต่างกันไป
ประโยชน์ของมะเขือเทศส้ม
- แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ
- อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค โพแทสเซียม และไลโคปีน (แม้ว่าปริมาณไลโคปีนอาจน้อยกว่าในมะเขือเทศแดง แต่ก็ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น เบต้าแคโรทีน)
- สารต้านอนุมูลอิสระ
- มีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
- ความเป็นกรดต่ำ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกรดในกระเพาะอาหาร
- ช่วยบำรุงสายตา
- วิตามินเอและเบต้าแคโรทีนมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา
- ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร
- มีใยอาหารช่วยในการขับถ่าย
- บำรุงผิวพรรณ
- วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวพรรณสดใส
- มีแคลอรี่ต่ำ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลาย
- สามารถรับประทานสด ทำสลัด ซุป ซอส หรือนำไปผัดและอบ ให้สีสันสวยงามแก่อาหาร
วิธีการปลูก
- การเตรียมเมล็ด
- สามารถใช้เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศส้มที่ซื้อมา
- การเพาะกล้า
- เพาะเมล็ดในวัสดุเพาะ เช่น ดินเพาะกล้าสำเร็จรูป หรือพีทมอส
- กลบเมล็ดบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม และวางในที่ร่มรำไรที่มีอากาศถ่ายเท
- เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ และลำต้นแข็งแรง สูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร สามารถย้ายลงกระถางเพาะชำก่อน หรือย้ายลงแปลงปลูกโดยตรง
- การเตรียมดินและแปลงปลูก
- เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ดินควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง pH ประมาณ 6.0-6.8
- ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
- หากปลูกในกระถาง ควรเลือกกระถางที่มีขนาดเหมาะสม (อย่างน้อย 30 เซนติเมตรสำหรับพันธุ์ทั่วไป)
- การย้ายกล้า
- ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินของต้นกล้าเล็กน้อย
- นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินเบาๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
- เว้นระยะห่างระหว่างต้นและแถวตามคำแนะนำของแต่ละสายพันธุ์ (โดยทั่วไป 60-90 ซม. ระหว่างต้น และ 80-120 ซม. ระหว่างแถว)
- การดูแลรักษา
- การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นยังเล็ก ช่วงออกดอก และติดผล ควรรดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการรดน้ำโดนใบโดยตรงเพื่อลดความเสี่ยงของโรค
- การใส่ปุ๋ย ให้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วนตามช่วงการเจริญเติบโต เช่น ปุ๋ยสูตรเสมอในช่วงแรก และเน้นปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงในช่วงติดผล อาจให้ปุ๋ยน้ำสัปดาห์ละครั้ง
- การทำค้าง มะเขือเทศส้มส่วนใหญ่เป็นชนิดเลื้อย ควรทำค้างหรือใช้หลักเพื่อพยุงลำต้นและผล
- การเด็ดหน่อข้าง เด็ดหน่อข้างที่แตกออกมาจากซอกใบ เพื่อให้ต้นหลักเจริญเติบโตได้ดีและมีผลผลิตดี
- การกำจัดวัชพืช หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นมะเขือเทศ
- การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและโรค มะเขือเทศอาจถูกรบกวนโดยแมลงและโรคต่างๆ ควรตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอและจัดการด้วยวิธีที่เหมาะสม
- การเก็บเกี่ยว
- มะเขือเทศส้มสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลมีสีส้มสดใสและเริ่มนิ่มเล็กน้อย โดยสามารถทยอยเก็บเกี่ยวได้เรื่อยๆ เมื่อผลสุก