เมล็ดพันธุ์ พริกช่อญี่ปุ่น 20 เมล็ด
พริกช่อญี่ปุ่น (ชื่อวิทยาศาสตร์: Capsicum annuum) มีลักษณะเด่นคือ ผลมีขนาดเล็ก เรียวยาว มักจะออกผลเป็นช่อหรือเป็นกลุ่ม ตามข้อและกิ่งก้าน คล้ายกับพริกขี้หนู แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย เมื่อยังอ่อนจะมีสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสดเมื่อสุกเต็มที่ รสชาติมีความเผ็ดร้อนปานกลางถึงเผ็ดมาก เป็นพริกที่นิยมใช้ในอาหารญี่ปุ่นและอาหารเอเชีย
คุณสมบัติ
- ลักษณะผล
- ขนาดเล็ก เรียวยาว ปลายแหลม มักออกผลเป็นช่อหรือกลุ่ม
- สีของผล
- เปลี่ยนแปลงตามระยะการเจริญเติบโต จากเขียวเป็นแดงสดเมื่อสุก
- รสชาติ
- เผ็ดร้อนปานกลางถึงเผ็ดมาก
- ลำต้น
- เป็นพุ่มขนาดเล็กถึงกลาง สูงประมาณ 0.5 – 1 เมตร
- การเจริญเติบโต
- เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศอบอุ่น ต้องการแสงแดดจัด และดินร่วนระบายน้ำได้ดี
- ความโดดเด่น
- ลักษณะการออกผลเป็นช่อสวยงาม
ประโยชน์ของพริกช่อญี่ปุ่น
- ใช้ประกอบอาหารญี่ปุ่น
- เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด เช่น ยากิโทริ (ไก่ย่างเสียบไม้) ราเม็ง อุด้ง หรือใช้ทำเครื่องปรุงรสต่างๆ
- ใช้ประกอบอาหารเอเชีย
- สามารถนำมาใช้ในอาหารไทย จีน หรือเกาหลี เพื่อเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน
- กระตุ้นความอยากอาหาร
- รสชาติเผ็ดร้อนสามารถช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้
- มีสารแคปไซซิน (Capsaicin)
- มีคุณสมบัติทางยา เช่น ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
- แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ
- มีวิตามินซี วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ
วิธีการปลูก
- การเตรียมเมล็ด: สามารถใช้เมล็ดพันธุ์พริกช่อญี่ปุ่นที่ซื้อมา
- การเพาะกล้า:
- เพาะเมล็ดในวัสดุเพาะ เช่น ดินเพาะกล้าสำเร็จรูป หรือพีทมอส
- กลบเมล็ดบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม และวางในที่ร่มรำไรที่มีอากาศถ่ายเท
- เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ และลำต้นแข็งแรง สูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร สามารถย้ายลงกระถางหรือแปลงปลูกได้
- การเตรียมดินและแปลงปลูก:
- เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ดินควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง pH ประมาณ 6.0-7.0
- ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
- หากปลูกในกระถาง ควรเลือกกระถางที่มีขนาดเหมาะสม
- การย้ายกล้า:
- ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินของต้นกล้าเล็กน้อย
- นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินเบาๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
- เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30-40 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 50-60 เซนติเมตร
- การดูแลรักษา:
- การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นยังเล็ก ช่วงออกดอก และติดผล ระวังอย่าให้น้ำขัง
- การใส่ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วนในช่วงต่างๆ ของการเจริญเติบโต อาจใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ หรือเน้นปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงในช่วงติดผล
- การกำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นพริก
- การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช: ตรวจสอบต้นพริกอย่างสม่ำเสมอ และจัดการกับแมลงหรือโรคที่อาจเกิดขึ้น
- การค้ำยัน: เมื่อต้นเริ่มมีผลดก อาจต้องทำค้างเพื่อป้องกันกิ่งหัก
- การเก็บเกี่ยว: เก็บเกี่ยวเมื่อผลมีสีแดงสดและมีขนาดตามต้องการ โดยสามารถทยอยเก็บเกี่ยวได้เรื่อยๆ