เมล็ดพันธุ์ พริกช่อญี่ปุ่น

30 ฿

  • จำนวน 20 เมล็ด
  • กระตุ้นความอยากอาหารรสชาติเผ็ดร้อนสามารถช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้
  • แหล่งวิตามินและแร่ธาตุมีวิตามินซี วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ใช้ประกอบอาหารญี่ปุ่นเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด เช่น ยากิโทริ (ไก่ย่างเสียบไม้) ราเม็ง อุด้ง หรือใช้ทำเครื่องปรุงรสต่างๆ
  • มีสารแคปไซซิน (Capsaicin)มีคุณสมบัติทางยา เช่น ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

เมล็ดพันธุ์ พริกช่อญี่ปุ่น 20 เมล็ด

พริกช่อญี่ปุ่น (ชื่อวิทยาศาสตร์: Capsicum annuum) มีลักษณะเด่นคือ ผลมีขนาดเล็ก เรียวยาว มักจะออกผลเป็นช่อหรือเป็นกลุ่ม ตามข้อและกิ่งก้าน คล้ายกับพริกขี้หนู แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย เมื่อยังอ่อนจะมีสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสดเมื่อสุกเต็มที่ รสชาติมีความเผ็ดร้อนปานกลางถึงเผ็ดมาก เป็นพริกที่นิยมใช้ในอาหารญี่ปุ่นและอาหารเอเชีย

คุณสมบัติ

  • ลักษณะผล
    • ขนาดเล็ก เรียวยาว ปลายแหลม มักออกผลเป็นช่อหรือกลุ่ม
  • สีของผล
    • เปลี่ยนแปลงตามระยะการเจริญเติบโต จากเขียวเป็นแดงสดเมื่อสุก
  • รสชาติ
    • เผ็ดร้อนปานกลางถึงเผ็ดมาก
  • ลำต้น
    • เป็นพุ่มขนาดเล็กถึงกลาง สูงประมาณ 0.5 – 1 เมตร
  • การเจริญเติบโต
    • เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศอบอุ่น ต้องการแสงแดดจัด และดินร่วนระบายน้ำได้ดี
  • ความโดดเด่น
    • ลักษณะการออกผลเป็นช่อสวยงาม

ประโยชน์ของพริกช่อญี่ปุ่น

  • ใช้ประกอบอาหารญี่ปุ่น
    • เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด เช่น ยากิโทริ (ไก่ย่างเสียบไม้) ราเม็ง อุด้ง หรือใช้ทำเครื่องปรุงรสต่างๆ
  • ใช้ประกอบอาหารเอเชีย
    • สามารถนำมาใช้ในอาหารไทย จีน หรือเกาหลี เพื่อเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน
  • กระตุ้นความอยากอาหาร
    • รสชาติเผ็ดร้อนสามารถช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้
  • มีสารแคปไซซิน (Capsaicin)
    • มีคุณสมบัติทางยา เช่น ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
  • แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ
    • มีวิตามินซี วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ

วิธีการปลูก

  • การเตรียมเมล็ด: สามารถใช้เมล็ดพันธุ์พริกช่อญี่ปุ่นที่ซื้อมา
  • การเพาะกล้า:
    • เพาะเมล็ดในวัสดุเพาะ เช่น ดินเพาะกล้าสำเร็จรูป หรือพีทมอส
    • กลบเมล็ดบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม และวางในที่ร่มรำไรที่มีอากาศถ่ายเท
    • เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ และลำต้นแข็งแรง สูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร สามารถย้ายลงกระถางหรือแปลงปลูกได้
  • การเตรียมดินและแปลงปลูก:
    • เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
    • ดินควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง pH ประมาณ 6.0-7.0
    • ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
    • หากปลูกในกระถาง ควรเลือกกระถางที่มีขนาดเหมาะสม
  • การย้ายกล้า:
    • ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินของต้นกล้าเล็กน้อย
    • นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินเบาๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
    • เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30-40 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 50-60 เซนติเมตร
  • การดูแลรักษา:
    • การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นยังเล็ก ช่วงออกดอก และติดผล ระวังอย่าให้น้ำขัง
    • การใส่ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วนในช่วงต่างๆ ของการเจริญเติบโต อาจใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ หรือเน้นปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงในช่วงติดผล
    • การกำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นพริก
    • การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช: ตรวจสอบต้นพริกอย่างสม่ำเสมอ และจัดการกับแมลงหรือโรคที่อาจเกิดขึ้น
    • การค้ำยัน: เมื่อต้นเริ่มมีผลดก อาจต้องทำค้างเพื่อป้องกันกิ่งหัก
  • การเก็บเกี่ยว: เก็บเกี่ยวเมื่อผลมีสีแดงสดและมีขนาดตามต้องการ โดยสามารถทยอยเก็บเกี่ยวได้เรื่อยๆ