เมล็ดพันธุ์ พริกดำ

30 ฿

  • จำนวน 30 เมล็ด
  • คุณค่าทางโภชนาการเช่นเดียวกับพริกชนิดอื่นๆ มีวิตามินซีสูง วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ใช้ตกแต่งบางสายพันธุ์ที่มีสีสันสวยงาม เช่น ‘Black Pearl’ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
  • สรรพคุณทางยามีสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งอาจมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
  • ใช้ประกอบอาหารใช้เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนและสีสันให้กับอาหารต่างๆ ขึ้นอยู่กับระดับความเผ็ดของแต่ละสายพันธุ์

เมล็ดพันธุ์ พริกดำ 30 เมล็ด

พริกดำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Capsicum annuum) สายพันธุ์ที่มีสีดำคล้ำเมื่อแห้ง และมีหลากหลายสายพันธุ์ย่อยที่มีลักษณะ รูปร่าง และระดับความเผ็ดแตกต่างกันไป ลักษณะเด่นคือตัวผลจะมีสีเขียวเข้มไปจนถึงดำ

คุณสมบัติ

  • ลักษณะผล
    • มีหลากหลายรูปทรง เช่น กลม เล็กเรียว ยาว หรือเป็นพู ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
  • สีของผล
  • ผลดิบมักมีสีเขียวเข้มหรือม่วงเข้มจนดูเกือบดำ เมื่อสุกเต็มที่ สีอาจเปลี่ยนเป็นแดง ส้ม เหลือง หรือยังคงเป็นสีม่วงเข้ม
  • รสชาติ
    • มีความเผ็ดตั้งแต่เล็กน้อย ปานกลาง ไปจนถึงเผ็ดร้อนจัดจ้านมาก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
  • ลำต้นและใบ
    • บางสายพันธุ์อาจมีสีม่วงหรือดำปนอยู่ที่ลำต้น ก้านใบ หรือใบ
  • การเจริญเติบโต
    • โดยทั่วไปต้องการแสงแดดจัด ดินร่วนระบายน้ำได้ดี และสภาพอากาศอบอุ่น
  • ความหลากหลาย
    • มีหลายสายพันธุ์ที่มีลักษณะ ขนาด และระดับความเผ็ดที่แตกต่างกัน

ประโยชน์ของพริกดำ

  • ใช้ประกอบอาหาร
    • ใช้เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนและสีสันให้กับอาหารต่างๆ ขึ้นอยู่กับระดับความเผ็ดของแต่ละสายพันธุ์
  • คุณค่าทางโภชนาการ
    • เช่นเดียวกับพริกชนิดอื่นๆ มีวิตามินซีสูง วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ใช้ตกแต่ง
    • บางสายพันธุ์ที่มีสีสันสวยงาม เช่น ‘Black Pearl’ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
  • สรรพคุณทางยา
    • มีสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งอาจมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

วิธีการปลูก

  • การเตรียมเมล็ด: เลือกเมล็ดพันธุ์ Black Chilli pepper ที่ต้องการปลูก
  • การเพาะกล้า:
    • เพาะเมล็ดในวัสดุเพาะ เช่น ดินเพาะกล้าสำเร็จรูป หรือพีทมอส
    • กลบเมล็ดบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม และวางในที่ร่มรำไรที่มีอากาศถ่ายเท
    • รอจนต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ และลำต้นแข็งแรง จึงย้ายลงกระถางหรือแปลงปลูก
  • การเตรียมดินและแปลงปลูก:
    • เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
    • ดินควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง pH ประมาณ 6.0-7.0
    • ไถพรวนดินให้ร่วนซุย และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
    • หากปลูกในกระถาง ควรเลือกกระถางที่มีขนาดเหมาะสม
  • การย้ายกล้า:
    • ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินของต้นกล้าเล็กน้อย
    • นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินเบาๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
    • เว้นระยะห่างระหว่างต้นและแถวตามคำแนะนำของแต่ละสายพันธุ์
  • การดูแลรักษา:
    • การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นยังเล็ก ช่วงออกดอก และติดผล ระวังอย่าให้น้ำขัง
    • การใส่ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วนในช่วงต่างๆ ของการเจริญเติบโต อาจใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ หรือเน้นปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมในช่วงติดผล
    • การกำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นพริก
    • การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช: ตรวจสอบต้นพริกอย่างสม่ำเสมอ และจัดการกับแมลงหรือโรคที่อาจเกิดขึ้น
    • การค้ำยัน: สำหรับบางสายพันธุ์ที่มีผลดก อาจต้องทำค้างเพื่อป้องกันกิ่งหัก
  • การเก็บเกี่ยว: เก็บเกี่ยวเมื่อผลมีสีสันตามลักษณะของสายพันธุ์และมีขนาดที่ต้องการ