เมล็ดพันธุ์ พริกชี้ฟ้า

30 ฿

  • จำนวน 60 เมล็ด
  • สรรพคุณทางยามีสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยในการย่อยอาหาร และอาจมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
  • แหล่งวิตามินและแร่ธาตุมีวิตามินซีสูง รวมถึงวิตามินเอ และแร่ธาตุต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • ใช้ในการแปรรูปสามารถนำไปแปรรูปเป็นพริกแห้ง พริกป่น ซอสพริก หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ
  • ใช้ประกอบอาหารเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ให้รสเผ็ดและสีสันสวยงามในอาหารไทยและอาหารนานาชาติ เช่น แกงเผ็ด ผัด ทอด ยำ น้ำพริก หรือใช้ตกแต่งจานอาหาร

เมล็ดพันธุ์ พริกชี้ฟ้า 60 เมล็ด

พริกชี้ฟ้า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Capsicum annuum) มีลักษณะเด่นคือ ผลยาวเรียว ปลายแหลม ชี้ขึ้นฟ้า เมื่อผลยังอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อสุกเต็มที่จะมีสีแดงสด แต่ก็มีสายพันธุ์ที่มีสีเหลือง ส้ม หรือม่วง รสชาติมีความเผ็ดปานกลางถึงเผ็ดมาก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และระยะการเก็บเกี่ยว พริกชี้ฟ้าเป็นพริกที่นิยมใช้ในการประกอบอาหารหลากหลายชนิด และยังมีความสวยงามจึงนิยมปลูกเป็นไม้ประดับด้วย

คุณสมบัติ

  • ลักษณะผล
    • ยาวเรียว ปลายแหลม ชี้ขึ้นฟ้า
  • สีของผล
    • เปลี่ยนแปลงตามระยะการเจริญเติบโต ตั้งแต่เขียวอ่อน เขียวเข้ม เหลือง ส้ม และแดงสดเมื่อสุก
  • รสชาติ
    • เผ็ดปานกลางถึงเผ็ดมาก
  • ลำต้น
    • เป็นพุ่มขนาดกลาง สูงประมาณ 0.5 – 1.5 เมตร
  • การเจริญเติบโต
    • เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้น ต้องการแสงแดดจัด และดินร่วนระบายน้ำได้ดี
  • ความหลากหลาย
    • มีหลายสายพันธุ์ย่อยที่มีลักษณะและระดับความเผ็ดแตกต่างกันไป เช่น พริกชี้ฟ้าเหลือง พริกชี้ฟ้าเขียว พริกเดือยไก่ (ซึ่งบางครั้งก็เรียกว่าพริกชี)

ประโยชน์ของพริกชี้ฟ้า

  • ใช้ประกอบอาหาร
    • เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ให้รสเผ็ดและสีสันสวยงามในอาหารไทยและอาหารนานาชาติ เช่น แกงเผ็ด ผัด ทอด ยำ น้ำพริก หรือใช้ตกแต่งจานอาหาร
  • สรรพคุณทางยา
    • มีสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยในการย่อยอาหาร และอาจมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
  • แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ
    • มีวิตามินซีสูง รวมถึงวิตามินเอ และแร่ธาตุต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • ใช้ในการแปรรูป
    • สามารถนำไปแปรรูปเป็นพริกแห้ง พริกป่น ซอสพริก หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ
  • เป็นไม้ประดับ
    • ด้วยรูปทรงของผลที่ชี้ขึ้นฟ้าและมีสีสันสดใส ทำให้พริกชี้ฟ้าบางสายพันธุ์นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ

วิธีการปลูก

  • การเตรียมเมล็ด: สามารถใช้เมล็ดพันธุ์พริกชี้ฟ้าที่ซื้อมา หรือเก็บจากผลพริกที่สุกแล้ว นำเมล็ดไปตากแดดให้แห้งสนิท
  • การเพาะกล้า:
    • นำเมล็ดไปแช่น้ำประมาณ 4-6 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการงอก
    • เพาะเมล็ดในวัสดุเพาะ เช่น ดินเพาะกล้าสำเร็จรูป หรือดินร่วนผสมแกลบและปุ๋ยหมักละเอียด
    • กลบเมล็ดบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม และวางในที่ร่มรำไร
    • เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ สามารถย้ายลงกระถางหรือแปลงปลูกได้
  • การเตรียมดินและแปลงปลูก:
    • เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
    • ดินควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง
    • ไถพรวนดินให้ร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
    • ถ้าปลูกในกระถาง ควรเลือกกระถางที่มีขนาดเหมาะสมและมีรูระบายน้ำที่ดี
  • การย้ายกล้า:
    • ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินของต้นกล้าเล็กน้อย
    • นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินเบาๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
    • เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 40-60 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 60-80 เซนติเมตร
  • การดูแลรักษา:
    • การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นยังเล็กและช่วงติดดอกออกผล ระวังอย่าให้น้ำขัง
    • การใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วน เช่น ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อบำรุงต้นและผล ควรใส่ปุ๋ยในช่วงก่อนออกดอกและช่วงติดผล
    • การกำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นพริก เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและเป็นที่อยู่ของแมลงศัตรูพืช
    • การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช: ตรวจสอบต้นพริกอย่างสม่ำเสมอ หากพบแมลงหรือโรค ให้รีบกำจัดด้วยวิธีธรรมชาติ หรือใช้สารเคมีที่ปลอดภัย
    • การค้ำยัน: เมื่อต้นเริ่มมีผลดก อาจจำเป็นต้องทำไม้ค้ำยันเพื่อป้องกันกิ่งหัก
  • การเก็บเกี่ยว: พริกชี้ฟ้าสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลมีสีสันตามสายพันธุ์และเริ่มแข็งแรง โดยสามารถทยอยเก็บเกี่ยวได้เรื่อยๆ ทั้งผลอ่อนสีเขียวและผลสุกสีแดง