เมล็ดพันธุ์ ปีเขียว

30 ฿

  • จำนวน 50 เมล็ด
  • เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนจากพืช
  • ใยอาหารและสารบางชนิดในถั่วเขียวมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
  • ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
  • ใยอาหารสูงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก

เมล็ดพันธุ์ ปีเขียว 50 เมล็ด

ปีเขียว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Vigna Radiata) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ถั่ว ที่ปลูกเพื่อเก็บเกี่ยว เมล็ด ซึ่งมีขนาดเล็ก รูปทรงกลมรี สีเขียวสด (เมื่อยังไม่แก่จัด) และเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มหรือน้ำตาลเมื่อแก่เต็มที่ ถั่วเขียวมีทั้งชนิดที่เป็น ถั่วเขียวผิวมัน (ใช้เพาะงอก) และ ถั่วเขียวผิวดำ (ใช้ทำขนมและอาหารอื่นๆ)

คุณสมบัติ

  • ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:
    • เป็นพืชล้มลุก อายุสั้น ประมาณ 60-90 วัน
    • มีระบบรากแก้วและรากแขนง
    • ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้าน มีขนปกคลุมเล็กน้อย
    • ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ รูปไข่ ปลายแหลม
    • ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ มีสีเหลืองอ่อน
    • ฝัก มีลักษณะเป็นทรงกระบอกเล็ก ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร มีขนปกคลุม เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำและแตกออก
    • เมล็ด มีขนาดเล็ก รูปทรงกลมรี ผิวเรียบ สีเขียวสดเมื่อยังไม่แก่จัด และเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มหรือน้ำตาลเมื่อแก่เต็มที่
  • คุณค่าทางโภชนาการ: ถั่วเขียวเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง:
    • โปรตีนสูง: เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีมาก
    • ใยอาหารสูง: ช่วยในระบบขับถ่าย
    • คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: ให้พลังงานอย่างช้าๆ
    • วิตามิน: วิตามินบีต่างๆ (เช่น โฟเลต, ไนอะซิน, ไรโบฟลาวิน, ไทอามิน), วิตามินเค
    • แร่ธาตุ: เหล็ก, แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, แมงกานีส, ทองแดง, สังกะสี
    • มีสารต้านอนุมูลอิสระ

ประโยชน์ของปีเขียว

  • ด้านอาหาร:
    • เมล็ด: ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น ต้มใส่ขนมหวาน (ถั่วเขียวต้มน้ำตาล), ทำไส้ขนม (ถั่วกวน), บดทำแป้ง, ทำน้ำนมถั่วเขียว
    • ถั่วงอก: ได้จากการเพาะเมล็ดถั่วเขียว เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง นิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น ผัดไทย, ก๋วยเตี๋ยว, สลัด
    • ส่วนอื่นๆ ของต้นอ่อนอาจใช้บริโภคได้บ้างในบางวัฒนธรรม
  • ด้านสุขภาพ:
    • ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล: ใยอาหารและสารบางชนิดในถั่วเขียวมีส่วนช่วย
    • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
    • ส่งเสริมสุขภาพระบบขับถ่าย: ใยอาหารสูงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก
    • เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนจากพืช
    • มีสารต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
    • มีโฟเลตสูง: สำคัญต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์
  • ด้านการเกษตร:
    • เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว
    • สามารถปลูกหมุนเวียนเพื่อปรับปรุงดิน เนื่องจากเป็นพืชตระกูลถั่วที่ช่วยตรึงไนโตรเจนในดินได้
    • เป็นแหล่งรายได้ให้กับเกษตรกร

วิธีการปลูก

  • การเตรียมดิน:

    • เลือกพื้นที่ปลูกที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุพอสมควร
    • ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร กำจัดวัชพืช
    • ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเล็กน้อย
  • การเตรียมเมล็ด:

    • เลือกเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวที่มีคุณภาพดี ตรงตามความต้องการ (เช่น พันธุ์สำหรับเพาะงอก หรือพันธุ์สำหรับเก็บเกี่ยวเมล็ด)
    • คลุกเมล็ดด้วยสารป้องกันเชื้อราและแมลง (ถ้าต้องการ)
  • การปลูก:

    • หว่าน: หว่านเมล็ดให้กระจายสม่ำเสมอทั่วแปลง แล้วไถกลบตื้นๆ
    • หยอดเป็นแถว: หยอดเมล็ดเป็นแถว ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30-50 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 10-20 เซนติเมตร หยอดหลุมละ 2-3 เมล็ด กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
  • การดูแลรักษา:

    • การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอในช่วงแรกของการเจริญเติบโต และช่วงออกดอกติดฝัก ควรระวังอย่าให้น้ำขัง
    • การใส่ปุ๋ย: โดยทั่วไปถั่วเขียวไม่ต้องการปุ๋ยมากนัก หากดินไม่ดีอาจใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในปริมาณเล็กน้อยในช่วงแรก
    • การพรวนดินและกำจัดวัชพืช: กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
    • การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและโรค: หมั่นตรวจแปลงปลูก หากพบศัตรูพืชหรือโรคให้รีบทำการป้องกันและกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม
  • การเก็บเกี่ยว:

    • เก็บเกี่ยวฝัก: เมื่อฝักเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำและเริ่มแห้ง ควรเก็บเกี่ยวในช่วงที่ฝักยังไม่แตก
    • เก็บเกี่ยวทั้งต้น: ตัดทั้งต้นเมื่อฝักส่วนใหญ่แก่ แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท จากนั้นจึงทำการนวดเพื่อเอาเมล็ด