เมล็ดพันธุ์ ปีแดง 50 เมล็ด
ปีแดง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Phaseolus Vulgaris) หรือถั่วพุ่มแดง มีลักษณะการเจริญเติบโตเป็นทรงพุ่ม (ไม่เลื้อย) และมีฝักเป็นสีแดงสดหรือม่วงแดง แทนที่จะเป็นสีเขียวเหมือนถั่วแขกทั่วไป ถั่วชนิดนี้เป็นที่นิยมปลูกเพื่อบริโภคฝักสด และด้วยสีสันที่สวยงาม ทำให้เป็นที่น่าสนใจในการปลูกประดับสวนครัวด้วยเช่นกัน อาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น
คุณสมบัติ
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:
- เป็นพืชล้มลุก อายุสั้น ประมาณ 45-75 วัน
- มีลักษณะการเจริญเติบโตเป็นทรงพุ่ม ไม่ต้องการค้างหรือร้าน
- ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้าน
- ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ รูปไข่
- ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ มีสีขาว ชมพู หรือม่วงอ่อน
- ฝักมีลักษณะทรงกระบอกหรือแบนเล็กน้อย ผิวเรียบ มีสีแดงสดหรือม่วงแดง ความยาวของฝักแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์
- เมล็ดมีรูปร่างและสีสันหลากหลาย ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
- คุณค่าทางโภชนาการ: โดยทั่วไปแล้วถั่วพุ่มที่มีฝักสีแดงจะมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับถั่วแขกทั่วไป คือเป็นแหล่งของ:
- วิตามิน: วิตามินซี, วิตามินเค, วิตามินบีต่างๆ (เช่น โฟเลต)
- แร่ธาตุ: โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, เหล็ก, แคลเซียม
- ใยอาหาร: ช่วยในระบบขับถ่าย
- โปรตีน: มีโปรตีนในปริมาณที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่นๆ
- สารต้านอนุมูลอิสระ: สีแดงหรือม่วงแดงของฝักบ่งบอกถึงการมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสูง
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: รสชาติและเนื้อสัมผัสของถั่วพุ่มที่มีฝักสีแดงจะคล้ายกับถั่วแขกทั่วไป คือมีความกรอบ หวานเล็กน้อย และเนื้อแน่น
ประโยชน์ของปีแดง
- ด้านสุขภาพ:
- ส่งเสริมระบบขับถ่าย: ใยอาหารสูงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก
- บำรุงกระดูก: มีวิตามินเคและแคลเซียม
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: มีวิตามินซี
- ดีต่อหญิงตั้งครรภ์: มีโฟเลตสูง ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์
- สารต้านอนุมูลอิสระสูง: สีแดงหรือม่วงแดงของฝักมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ และอาจมีประโยชน์อื่นๆ ต่อสุขภาพ
- ด้านการเกษตร:
- เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว ให้ผลผลิตภายในระยะเวลาสั้น
- ไม่ต้องการค้างหรือร้าน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและแรงงานในการทำค้าง
- เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ขนาดเล็ก หรือปลูกหมุนเวียน
- มีความสวยงามของฝัก ทำให้เป็นที่นิยมปลูกเพื่อความสวยงามควบคู่ไปกับการบริโภค
- ด้านอาหาร:
- ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ผัด ลวก จิ้มน้ำพริก ใส่ในสลัด
- สีสันที่สวยงามทำให้เมนูอาหารดูน่าสนใจและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ
วิธีการปลูก
-
การเตรียมดิน:
- เลือกพื้นที่ปลูกที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง
- ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร กำจัดวัชพืช
- ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
-
การเตรียมเมล็ด:
- เลือกเมล็ดพันธุ์ถั่วพุ่มที่มีฝักสีแดงที่มีคุณภาพดี จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
- แช่เมล็ดในน้ำสะอาดประมาณ 4-6 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการงอก
-
การปลูก:
- หยอดเมล็ดโดยตรง: หยอดเมล็ดลงในหลุมลึกประมาณ 2-3 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 15-30 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 40-60 เซนติเมตร หยอดหลุมละ 2-3 เมล็ด กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
- การปลูกเป็นแถว: หยอดเมล็ดตามแนวแถว ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 10-15 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวตามที่กล่าวข้างต้น
-
การดูแลรักษา:
- การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและช่วงติดดอกออกฝัก ควรรดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการรดน้ำในช่วงที่มีแดดจัด
- การใส่ปุ๋ย: โดยทั่วไปถั่วพุ่มไม่ต้องการปุ๋ยมากนัก หากดินไม่ดีอาจใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในปริมาณเล็กน้อยเมื่อต้นมีอายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ และอาจใส่ปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงขึ้นในช่วงออกดอกติดฝัก
- การพรวนดินและกำจัดวัชพืช: พรวนดินรอบโคนต้นเพื่อกำจัดวัชพืชและช่วยให้ดินร่วนซุย ควรระวังอย่าให้กระทบกระเทือนราก
- การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและโรค: หมั่นตรวจแปลงปลูก หากพบศัตรูพืชหรือโรคให้รีบทำการป้องกันและกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม
-
การเก็บเกี่ยว:
- ถั่วพุ่มที่มีฝักสีแดงจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 45-75 วันหลังปลูก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
- เก็บเกี่ยวเมื่อฝักมีขนาดพอเหมาะ ยังอ่อนและไม่อ้วนจนเกินไป ควรเก็บเกี่ยวอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นให้มีการออกดอกและติดฝักอย่างต่อเนื่อง
ข้อควรจำ:
- เลือกสายพันธุ์ถั่วพุ่มที่มีฝักสีแดงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเพื่อให้ได้สีสันและผลผลิตตามต้องการ
- การดูแลรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมีสีสันสวยงาม
- เนื่องจากเป็นถั่วพุ่ม จึงไม่จำเป็นต้องทำค้างหรือร้าน