เมล็ดพันธุ์ ฝักยาวลายเสือ

30 ฿

  • จำนวน 30 เมล็ด
  • มีวิตามินซี มีวิตามินเอ
  • ใยอาหารสูงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก
  • สีม่วงแดงในฝักอาจบ่งบอกถึงสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส

เมล็ดพันธุ์ ฝักยาวลายเสือ 30 เมล็ด

ฝักยาวลายเสือ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Vigna unguiculata subsp. sesquipedalis) เป็นฝักยาวอีกชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกูลถั่ว มีความโดดเด่นที่ สีของฝัก ซึ่งมีลักษณะเป็น สีเขียวอ่อนหรือเขียวเข้มสลับกับลายสีม่วงแดงหรือน้ำตาลแดง คล้ายลายของเสือ จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก

ลักษณะโดยทั่วไปของลำต้น ใบ ดอก และเมล็ดจะคล้ายคลึงกับฝักยาวเขียว แต่จะแตกต่างกันที่สีสันของฝักที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์

คุณสมบัติ

  • ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:
    • เป็นพืชล้มลุก อายุประมาณ 3-4 เดือน
    • มีระบบรากแก้วและรากแขนง
    • ลำต้นเป็นเถาเลื้อย ต้องการค้างหรือร้าน
    • ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ รูปไข่ ปลายแหลม
    • ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ มีสีม่วงอ่อนหรือขาว
    • ฝักยาว ทรงกระบอก ผิวเรียบ มีสีแดงสดหรือสีม่วงแดง อาจมีความยาวใกล้เคียงกับฝักยาวเขียว
    • เมล็ดรูปไต ขนาดเล็ก สีต่างๆ กัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
  • คุณค่าทางโภชนาการ: ฝักยาวแดงมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับฝักยาวเขียวและฝักยาวลายเสือ โดยเป็นแหล่งของ:
    • วิตามิน: วิตามินซี, วิตามินเอ, วิตามินเค, วิตามินบีต่างๆ (เช่น โฟเลต)
    • แร่ธาตุ: โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, เหล็ก, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส
    • ใยอาหาร: ช่วยในระบบขับถ่าย
    • โปรตีน: แม้จะไม่สูงเท่าถั่วเมล็ดแห้ง แต่ก็มีโปรตีนในปริมาณที่น่าสนใจ
    • สารต้านอนุมูลอิสระ: สีแดงหรือม่วงแดงของฝักบ่งบอกถึงการมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสูง
  • รสชาติและเนื้อสัมผัส:
    • รสชาติและเนื้อสัมผัสของฝักยาวแดงโดยทั่วไปจะคล้ายกับฝักยาวเขียว คือมีรสหวานเล็กน้อย กรอบ และเนื้อแน่น

ประโยชน์ของฝักยาวลายเสือ

  • ด้านสุขภาพ:
    • ส่งเสริมระบบขับถ่าย: ใยอาหารสูงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก
    • บำรุงสายตา: มีวิตามินเอ
    • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: มีวิตามินซี
    • บำรุงกระดูกและฟัน: มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส
    • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
    • บำรุงโลหิต: มีธาตุเหล็ก
    • อาจมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่า: สีม่วงแดงในฝักอาจบ่งบอกถึงสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • ด้านการเกษตร:
    • เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว ให้ผลผลิต
    • มีความสวยงามของฝัก ทำให้เป็นที่นิยมปลูกเพื่อความสวยงามควบคู่ไปกับการบริโภค
    • สามารถปลูกได้ในดินหลายชนิด
    • ช่วยปรับปรุงดิน (เช่นเดียวกับถั่วชนิดอื่นๆ)
  • ด้านอาหาร:
    • ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูเช่นเดียวกับฝักยาวเขียว เช่น ผัด แกง ยำ ส้มตำ
    • สีสันที่สวยงามทำให้เมนูอาหารดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น

วิธีการปลูก

  • การเตรียมดิน:

    • เลือกพื้นที่ปลูกที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง
    • ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตากดินไว้ 5-7 วัน
    • ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
    • ยกแปลงปลูกให้สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1-1.5 เมตร เว้นทางเดิน
  • การเตรียมเมล็ด:

    • เลือกเมล็ดพันธุ์ฝักยาวลายเสือที่มีคุณภาพดี
    • แช่เมล็ดในน้ำสะอาดประมาณ 6-8 ชั่วโมง แล้วผึ่งลมให้หมาด
  • การปลูก:

    • หยอดเมล็ดโดยตรง: หยอดเมล็ดลงในหลุมลึก 2-3 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุม 30-50 ซม. ระยะห่างระหว่างแถว 60-80 ซม. หยอดหลุมละ 2-3 เมล็ด กลบดิน รดน้ำให้ชุ่ม
    • เพาะกล้า (ไม่นิยมมากนัก): สามารถเพาะกล้าก่อนย้ายปลูกได้เช่นเดียวกับฝักยาวเขียว
  • การทำค้าง:

    • เมื่อต้นเริ่มเลื้อย ให้ทำค้างหรือร้านเพื่อให้เถาเกาะยึด (เช่น ค้างไม้ไผ่ ค้างตาข่าย)
  • การดูแลรักษา:

    • การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงแรกและช่วงติดดอกออกฝัก
    • การใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยตามความเหมาะสม โดยเน้นปุ๋ยไนโตรเจนในช่วงแรก และปุ๋ยฟอสฟอรัส-โพแทสเซียมในช่วงออกดอกติดฝัก
    • การพรวนดินและกำจัดวัชพืช: พรวนดินรอบโคนต้นและกำจัดวัชพืช
    • การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและโรค: ดูแลและป้องกันเช่นเดียวกับฝักยาวเขียว
  • การเก็บเกี่ยว:

    • เริ่มเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 45-60 วันหลังปลูก เมื่อฝักมีขนาดพอเหมาะและมีลายสีสันสวยงาม ควรเก็บเกี่ยวสม่ำเสมอ

ข้อควรจำ:

  • เลือกเมล็ดพันธุ์ฝักยาวลายเสือจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
  • การดูแลรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่ดีและมีสีสันสวยงามตามลักษณะเด่นของสายพันธุ์