เมล็ดพันธุ์ ฝักยาวเขียว

30 ฿

  • จำนวน 40 เมล็ด
  • สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด
  • มีโฟเลตสูง ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์
  • วิตามินเอสูงช่วยในการมองเห็น
  • ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล

เมล็ดพันธุ์ ฝักยาวเขียว 40 เมล็ด

ฝักยาวเขียว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Vigna unguiculata subsp. sesquipedalis) เป็นพืชตระกูลถั่ว เป็นพืชล้มลุกที่มีลักษณะเด่นคือ ฝักที่ยาวมาก โดยมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 30-90 เซนติเมตร หรืออาจยาวได้ถึง 1 เมตร จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกต่างๆ เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วแขก (ในบางท้องที่)

ฝักยาวเขียวมีลักษณะฝักเป็นทรงกระบอกเรียว สีเขียวสด ผิวเรียบ ภายในมีเมล็ดเรียงกันเป็นแถว เมล็ดมีขนาดเล็กรูปไต สีต่างๆ กันไป เช่น ขาว น้ำตาล ดำ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ลำต้นเป็นเถาเลื้อย ต้องการค้างหรือร้านเพื่อให้ลำต้นเกาะยึดและเจริญเติบโต

คุณสมบัติ

  • ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:
    • เป็นพืชล้มลุก อายุประมาณ 3-4 เดือน
    • มีระบบรากแก้วและรากแขนง
    • ลำต้นเป็นเถาเลื้อย สามารถยาวได้หลายเมตร
    • ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ รูปไข่ ปลายแหลม
    • ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ มีสีม่วงอ่อนหรือขาว
    • ฝักยาว ทรงกระบอก ผิวเรียบ สีเขียวสด
    • เมล็ดรูปไต ขนาดเล็ก สีต่างๆ กัน
  • คุณค่าทางโภชนาการ: ฝักยาวเขียวเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่น
    • วิตามิน: วิตามินซี, วิตามินเอ, วิตามินเค, วิตามินบีต่างๆ (เช่น โฟเลต)
    • แร่ธาตุ: โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, เหล็ก, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส
    • ใยอาหาร: ช่วยในระบบขับถ่าย
    • โปรตีน: แม้จะไม่สูงเท่าถั่วเมล็ดแห้ง แต่ก็มีโปรตีนในปริมาณที่น่าสนใจ
    • สารต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
  • รสชาติและเนื้อสัมผัส: มีรสชาติหวานเล็กน้อย กรอบ เนื้อแน่น เมื่อนำไปปรุงสุกจะมีความนุ่ม

ประโยชน์ของฝักยาวเขียว

  • ด้านสุขภาพ:
    • ส่งเสริมระบบขับถ่าย: ใยอาหารสูงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก
    • บำรุงสายตา: วิตามินเอสูงช่วยในการมองเห็น
    • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
    • บำรุงกระดูกและฟัน: มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส
    • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
    • บำรุงโลหิต: มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
    • ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด
    • ดีต่อหญิงตั้งครรภ์: มีโฟเลตสูง ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์
  • ด้านการเกษตร:
    • เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว ให้ผลผลิตสูง
    • สามารถปลูกได้ในดินหลายชนิด
    • เป็นพืชที่ช่วยปรับปรุงดิน เนื่องจากตระกูลถั่วสามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศลงสู่ดินได้
    • เป็นแหล่งอาหารและรายได้ของเกษตรกร
  • ด้านอาหาร:
    • เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารหลากหลายชนิด เช่น ผัดต่างๆ แกงต่างๆ ส้มตำ ยำ
    • สามารถนำไปแปรรูปได้ เช่น ถั่วฝักยาวดอง ถั่วฝักยาวอบกรอบ

วิธีการปลูก

  • การเตรียมดิน:
    • เลือกพื้นที่ปลูกที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง
    • ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตากดินไว้ 5-7 วัน เพื่อกำจัดวัชพืชและแมลง
    • ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 ตันต่อไร่
    • ยกแปลงปลูกให้สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1-1.5 เมตร เว้นทางเดินระหว่างแปลงประมาณ 50-80 เซนติเมตร
  • การเตรียมเมล็ด:
    • เลือกเมล็ดพันธุ์ฝักยาวเขียวที่มีคุณภาพดี ตรงตามความต้องการ
    • แช่เมล็ดในน้ำสะอาดประมาณ 6-8 ชั่วโมง แล้วนำไปผึ่งลมให้หมาดๆ ก่อนนำไปปลูก
  • การปลูก:
    • หยอดเมล็ดโดยตรง: หยอดเมล็ดลงในหลุมลึกประมาณ 2-3 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 30-50 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 60-80 เซนติเมตร หยอดหลุมละ 2-3 เมล็ด กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
    • เพาะกล้า: เพาะเมล็ดในถาดเพาะกล้า เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 15-20 วัน หรือมีใบจริง 2-3 ใบ จึงย้ายลงแปลงปลูก โดยมีระยะปลูกเช่นเดียวกับการหยอดเมล็ดโดยตรง
    • การทำค้าง:
      • เมื่อต้นกล้าเริ่มเลื้อย (ประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังปลูก) ให้ทำค้างหรือร้านเพื่อให้เถาฝักยาวเกาะยึด
      • ค้างสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น ค้างไม้ไผ่ ค้างตาข่าย หรือค้างลวด
  • การดูแลรักษา:
    • การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและช่วงติดดอกออกฝัก ควรรดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการรดน้ำในช่วงที่มีแดดจัด
    • การใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) หรือปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงในช่วงแรกของการเจริญเติบโต และเปลี่ยนเป็นปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงในช่วงออกดอกติดฝัก ควรใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำบนฉลาก
    • การพรวนดินและกำจัดวัชพืช: พรวนดินรอบโคนต้นเพื่อกำจัดวัชพืชและช่วยให้ดินร่วนซุย
    • การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและโรค: หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบศัตรูพืชหรือโรคให้รีบทำการป้องกันและกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การใช้สารชีวภัณฑ์ หรือสารเคมีตามคำแนะนำ
  • การเก็บเกี่ยว:
    • ฝักยาวเขียวจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 45-60 วันหลังปลูก ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
    • เก็บเกี่ยวเมื่อฝักมีขนาดพอเหมาะ สีเขียวสด และยังไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป ควรเก็บเกี่ยวอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นให้มีการออกดอกและติดฝักอย่างต่อเนื่อง

ข้อควรจำ:

  • เลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและดินในพื้นที่ปลูก
  • การดูแลรักษาที่ดีจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณสูง
  • การหมุนเวียนพืชจะช่วยลดปัญหาโรคและแมลงในระยะยาว