เมล็ดพันธุ์ ฟ้าทะลายโจร

30 ฿

  • จำนวน 200 เมล็ด
  • ลดไข้ โดยเฉพาะไข้จากการติดเชื้อ
  • ใช้แก้อาการ ท้องเสีย ลำไส้ติดเชื้อ เบาหวานบางกรณี
  • แก้อักเสบ เช่น ทอนซิลอักเสบ ลำไส้อักเสบ
  • ต้านไวรัสและแบคทีเรีย เช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่, ไวรัสโควิด-19 (ในการศึกษาบางส่วน)

50 in stock

เมล็ดพันธุ์ ฟ้าทะลายโจร 200 เมล็ด

ฟ้าทะลายโจร (ชื่อวิทยาศาสตร์: Andrographis paniculata) เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่มีรสขมจัด จัดอยู่ในวงศ์ Acanthaceae มีถิ่นกำเนิดในเอเชียเขตร้อน พบได้ทั่วไปในประเทศไทย อินเดีย จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ฟ้าทะลายโจรขึ้นง่าย โตไว ต้านทานโรคดี นิยมใช้ใน ตำรับยาสมุนไพรไทย โดยเฉพาะในการรักษาไข้ หวัด และอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ

คุณสมบัติ (ส่วนของเมล็ด)

  • พืชล้มลุก อายุปีเดียว สูงประมาณ 30–100 ซม. ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านได้มาก
  • ใบเรียวแหลม สีเขียวเข้ม ขอบเรียบ
  • ออกดอกสีม่วงอ่อนมีแต้มสีขาว
  • ผลเป็นฝักยาว ภายในมีเมล็ดเล็กๆ สีน้ำตาล
  • ส่วนที่ใช้เป็นยา ใบและลำต้น (ใช้สดหรือแห้งก็ได้)
  • สารสำคัญคือ แอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านไวรัส ต้านอักเสบ ลดไข้

ประโยชน์ของฟ้าทะลายโจร

  1. ประโยชน์ทางยา (สมุนไพร)
    • ลดไข้ โดยเฉพาะไข้จากการติดเชื้อ

    • บรรเทาอาการหวัด ไอ เจ็บคอ

    • ต้านไวรัสและแบคทีเรีย เช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่, ไวรัสโควิด-19 (ในการศึกษาบางส่วน)

    • แก้อักเสบ เช่น ทอนซิลอักเสบ ลำไส้อักเสบ

    • ช่วยฟื้นตัวจากการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ

    • ใช้แก้อาการ ท้องเสีย ลำไส้ติดเชื้อ เบาหวานบางกรณี

      คำเตือน ห้ามใช้ติดต่อกันเกิน 5–7 วัน และไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์

  1. ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
    • มีความต้องการในตลาดสูง โดยเฉพาะช่วงระบาดของโรคต่าง ๆ

    • แปรรูปเป็นแคปซูล, ผง, ชาชง, ยาลูกกลอน

    • ปลูกง่าย ขายได้ทั้งแบบสดและแห้ง

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมเมล็ดพันธุ์
    • ใช้เมล็ดพันธุ์จากต้นแก่จัด (ฝักแก่สีน้ำตาล แตกง่าย)

    • แช่เมล็ดในน้ำอุ่น 2–3 ชั่วโมงก่อนเพาะเพื่อกระตุ้นการงอก

    • หว่านเมล็ดลงในถาดเพาะหรือแปลงอนุบาล

  2. การเตรียมดิน
    • ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี

    • ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1:1

    • ทำแปลงปลูกแบบยกร่องหรือปลูกในกระถางก็ได้

  3. การปลูก
    • ย้ายต้นกล้าเมื่ออายุ 25–30 วัน

    • ระยะปลูกระหว่างต้นประมาณ 30 ซม. ระหว่างแถว 50 ซม.

    • รดน้ำวันละ 1 ครั้ง เช้า–เย็นในช่วงแรก

  4. การดูแลรักษา
    • ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักเดือนละครั้ง

    • คอยตัดแต่งกิ่งใบให้โปร่ง

    • ป้องกันเพลี้ยไฟและโรคใบจุดโดยใช้สารชีวภาพหรือน้ำหมักสมุนไพร

  5. การเก็บเกี่ยว
    • เก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 3 เดือน (ต้นโตเต็มที่)

    • ตัดเก็บทั้งต้น (เหลือโคนไว้ประมาณ 10 ซม.)

    • ตากแห้งในร่ม อากาศถ่ายเทดี

    • เก็บในถุงปิดสนิทเพื่อรักษาสารสำคัญ