เมล็ดพันธุ์ แมงลัก 500 เมล็ด
แมงลัก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ocimum × citriodorum) เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งในวงศ์กะเพรา (Lamiaceae) เป็นลูกผสมระหว่างโหระพากับกะเพรา มีลักษณะลำต้นเป็นพุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร ใบมีสีเขียวอ่อน ขอบใบหยักเล็กน้อย มีกลิ่นหอมคล้ายมะนาวผสมกับโหระพาอย่างลงตัว นิยมนำมาใช้ปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติในอาหารไทยหลายชนิด เช่น แกงเลียง ขนมจีนน้ำยา และยังใช้โรยหน้าอาหารเพื่อเพิ่มความหอมน่ารับประทาน
คุณสมบัติ
- น้ำมันหอมระเหย (Essential oils)
- เช่น linalool, limonene, citral ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
- ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)
- เช่น orientin, vicenin ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ใยอาหาร (Dietary fiber)
- โดยเฉพาะในส่วนของเม็ดแมงลัก ซึ่งมีใยอาหารสูงและมีคุณสมบัติในการพองตัวเมื่อโดนน้ำ
- วิตามินและแร่ธาตุ
- เช่น วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส
ประโยชน์ของแมงลัก
- ช่วยในการขับถ่าย
- เม็ดแมงลักมีใยอาหารสูง เมื่อแช่น้ำจะพองตัวเป็นวุ้น ช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ขับถ่ายสะดวกและบรรเทาอาการท้องผูก
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ใยอาหารในเม็ดแมงลักช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้นเร็วเกินไป
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก
- เม็ดแมงลักพองตัวในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ใยอาหารช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- สารฟลาโวนอยด์และน้ำมันหอมระเหยช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
- ช่วยบรรเทาอาการหวัด
- น้ำมันหอมระเหยอาจช่วยลดอาการคัดจมูกและช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
- ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
- กลิ่นหอมของแมงลักมีส่วนช่วยให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย
วิธีการปลูก
- การเตรียมดิน
- แมงลักชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี ควรไถพรวนดินให้ละเอียด และผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
- การเพาะเมล็ด:
- เพาะในกระถางเพาะ: หว่านเมล็ดแมงลักบางๆ กลบดินเล็กน้อย รดน้ำให้ชุ่ม วางในที่ที่มีแสงแดดรำไร เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ สามารถย้ายลงกระถางหรือแปลงปลูกได้
- หว่านลงแปลงโดยตรง: หว่านเมล็ดเป็นแถว โดยให้มีระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30-40 เซนติเมตร กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้าโตขึ้นให้ถอนแยกให้มีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร
- การปักชำ
- สามารถปักชำกิ่งได้เช่นกัน โดยเลือกกิ่งแมงลักที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร เด็ดใบล่างออก ปักลงในดินร่วนที่ชุ่มชื้น รดน้ำสม่ำเสมอ รากจะเริ่มงอกภายใน 2-3 สัปดาห์
- การปลูก
- ย้ายต้นกล้าที่เพาะไว้ หรือกิ่งชำที่รากงอกแล้ว ลงในแปลงปลูกหรือกระถาง โดยให้มีระยะห่างระหว่างต้นและแถวตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
- การดูแล:
- การรดน้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการปลูก และในช่วงที่อากาศแห้งแล้ง ควรรดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการรดน้ำจนดินแฉะเกินไป
- การให้ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกประมาณเดือนละครั้ง เพื่อบำรุงต้นให้เจริญเติบโตดี
- การกำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นแมงลัก เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำ
- การตัดแต่ง: เด็ดยอดอ่อนและดอกที่เริ่มออก เพื่อกระตุ้นให้แตกกิ่งก้านและมีใบมากขึ้น จะทำให้ได้ผลผลิตใบที่มากขึ้นและมีคุณภาพดี หากต้องการเก็บเมล็ด ควรปล่อยให้ดอกแก่และแห้ง
- การเก็บเกี่ยว
- สามารถเก็บเกี่ยวใบแมงลักได้เมื่อต้นมีอายุประมาณ 30-45 วัน โดยเด็ดเฉพาะใบ หรือตัดทั้งกิ่งก็ได้ ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าที่มีแดดอ่อนๆ เพื่อให้ได้ใบที่มีกลิ่นหอมและมีคุณภาพดีที่สุด หากต้องการเก็บเมล็ด ให้รอจนฝักแห้งและแตก แล้วจึงเก็บเมล็ด