เมล็ดพันธุ์ ผักชีไทย

30 ฿

  • จำนวน 250 เมล็ด
  • ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ
  • มีแคลเซียมสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • กลิ่นหอมของผักชีช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
  • มีวิตามินเอสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการมองเห็นและสุขภาพของดวงตา

เมล็ดพันธุ์ ผักชีไทย 250 เมล็ด

ผักชีไทย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Coriandrum sativum L.) เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีลักษณะเด่นคือลำต้นสูงประมาณ 20-50 เซนติเมตร ใบมีลักษณะเป็นแฉกเล็กๆ สีเขียวสด มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ส่วนที่นิยมนำมาใช้บริโภคคือ ใบ เมล็ด และราก ใบมีลักษณะคล้ายผักชีฝรั่งแต่มีขนาดเล็กและละเอียดกว่า มีกลิ่นหอมสดชื่น นิยมใช้โรยหน้าอาหาร ตกแต่งจาน หรือเป็นส่วนประกอบในเครื่องจิ้มและน้ำพริกต่างๆ เมล็ดมีลักษณะเป็นทรงกลมขนาดเล็ก เมื่อแก่จะมีสีน้ำตาลอ่อน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมใช้เป็นเครื่องเทศในการปรุงอาหาร เช่น แกงมัสมั่น พะโล้ หรือนำไปคั่วบดเป็นผงเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม รากมีกลิ่นหอมคล้ายส่วนอื่นๆ แต่มีความเข้มข้นกว่า นิยมนำไปใช้ในการปรุงน้ำซุป น้ำสต็อก หรือโขลกกับเครื่องปรุงอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้กับอาหาร

คุณสมบัติ

  • กลิ่นหอมเฉพาะตัว
    • เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ทำให้ผักชีไทยเป็นที่นิยมในการนำมาปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติของอาหาร
  • อุดมไปด้วยสารอาหาร
    • มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค แคลเซียม โพแทสเซียม และเหล็ก
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ
    • ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
  • มีสรรพคุณทางยา
    • ในตำรายาแผนโบราณมีการใช้ผักชีไทยเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม บรรเทาอาการหวัด

ประโยชน์ของผักชีไทย

  • ช่วยในการย่อยอาหาร
    • กลิ่นหอมของผักชีช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
  • บำรุงสายตา
    • มีวิตามินเอสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการมองเห็นและสุขภาพของดวงตา
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
    • วิตามินซีในผักชีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
    • มีแคลเซียมสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • ช่วยลดความดันโลหิต
    • มีโพแทสเซียมซึ่งช่วยในการควบคุมระดับความดันโลหิต
  • เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ
    • ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ
  • ใช้ปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติอาหาร
    • ทำให้เมนูอาหารมีความหอมอร่อยและน่ารับประทานยิ่งขึ้น
  • ใช้ตกแต่งอาหาร
    • ช่วยเพิ่มความสวยงามและน่าสนใจให้กับจานอาหาร

วิธีการปลูก

  • การเตรียมดิน
    • เลือกดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง ควรไถพรวนดินและกำจัดวัชพืชออกให้หมด อาจผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
  • การเตรียมเมล็ด
    • เลือกเมล็ดพันธุ์ผักชีที่มีคุณภาพดี นำเมล็ดมาแช่น้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วนำไปผึ่งลมให้หมาดๆ ก่อนนำไปปลูก วิธีนี้จะช่วยให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ้น บางคนอาจใช้วิธีบี้เมล็ดเบาๆ ให้แตกออกเป็นสองซีกก่อนแช่น้ำ เพื่อเพิ่มอัตราการงอก
  • การเพาะเมล็ด
    • หว่านลงแปลง: หว่านเมล็ดให้กระจายทั่วแปลง แล้วกลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
    • เพาะกล้า: หว่านเมล็ดในกระถางเพาะหรือถาดเพาะ เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ จึงย้ายลงแปลงปลูก
  • การดูแลรักษา
    • การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ควรรดน้ำเบาๆ เพื่อไม่ให้เมล็ดหรือต้นกล้าเสียหาย
    • การให้ปุ๋ย: หากดินไม่สมบูรณ์ สามารถให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในปริมาณเล็กน้อย
    • การกำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชที่ขึ้นรอบๆ ต้นผักชี เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและแสงแดด
    • การป้องกันและกำจัดโรคแมลง: ผักชีไทยค่อนข้างทนทานต่อโรคและแมลง แต่หากพบปัญหา ควรใช้สารกำจัดศัตรูพืชชีวภาพ หรือวิธีธรรมชาติในการป้องกันและกำจัด
  • การเก็บเกี่ยว ผักชีไทยสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุประมาณ 30-45 วัน หลังจากการงอก โดยสามารถถอนทั้งต้น หรือตัดเฉพาะส่วนใบที่ต้องการ