เมล็ดพันธุ์ มะเขือเทศบิ๊กบีฟ 25 เมล็ด
มะเขือเทศบิ๊กบีฟ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Solanum lycopersicum) เป็นมะเขือเทศลูกผสม (Hybrid) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ปลูกทั่วโลก มีชื่อเสียงในด้านขนาดผลที่ใหญ่ เนื้อเยอะ รสชาติดี และให้ผลผลิตค่อนข้างสม่ำเสมอ จัดเป็นมะเขือเทศประเภท “Beefsteak” ซึ่งมีลักษณะเด่นคือผลขนาดใหญ่ เนื้อแน่น เหมาะสำหรับการนำไปทำเบอร์เกอร์ แซนด์วิช สลัด หรือหั่นรับประทานสด
คุณสมบัติ
- ผลขนาดใหญ่
- เป็นมะเขือเทศที่มีผลขนาดใหญ่สมชื่อ โดยมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 250-450 กรัม หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแล
- เนื้อแน่น
- มีเนื้อเยอะ ฉ่ำน้ำ และมีเมล็ดน้อย ทำให้เหมาะสำหรับการนำไปประกอบอาหารที่ต้องการเนื้อมะเขือเทศเป็นหลัก
- รสชาติอร่อย
- มีรสชาติเข้มข้น หวานอมเปรี้ยวลงตัว ได้รับการยกย่องในเรื่องรสชาติที่ดี
- สีแดงสด
- เมื่อสุกเต็มที่จะมีสีแดงสดใส น่ารับประทาน
- ทรงพุ่มแข็งแรง
- ต้นค่อนข้างแข็งแรง เจริญเติบโตได้ดี และให้ผลผลิตสม่ำเสมอ
- ต้านทานโรค
- มีความต้านทานต่อโรคและแมลงบางชนิดได้ดีกว่ามะเขือเทศสายพันธุ์อื่นๆ (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ย่อย)
ประโยชน์ของมะเขือเทศบิ๊กบีฟ
- แหล่งของวิตามิน
- มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินเอช่วยบำรุงสายตา และวิตามินเคช่วยในการแข็งตัวของเลือด
- สารต้านอนุมูลอิสระ
- มีไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก
- บำรุงผิวพรรณ
- วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระในมะเขือเทศช่วยให้ผิวพรรณสดใส ชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย
- ดีต่อสุขภาพหัวใจ
- โพแทสเซียมในมะเขือเทศช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต และใยอาหารช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
- ช่วยในการขับถ่าย
- มีใยอาหารช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก
- มีแคลอรี่ต่ำ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
วิธีการปลูก
- การเพาะเมล็ด
- เตรียมดินเพาะกล้า เลือกดินร่วน ระบายน้ำได้ดี อาจผสมปุ๋ยหมักเล็กน้อย
- หว่านเมล็ดมะเขือเทศบิ๊กบีฟลงในดิน กลบดินบางๆ
- รดน้ำให้ชุ่ม วางในที่ร่มรำไรจนเมล็ดงอก
- เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้ย้ายลงกระถางเล็ก หรือถาดหลุมเพื่อเลี้ยงให้แข็งแรง
- การเตรียมดินและสถานที่ปลูก
- เลือกสถานที่ปลูกที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- เตรียมดินปลูกให้ร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดเหมาะสม
- ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในดินปลูกเพื่อเพิ่มธาตุอาหาร
- การย้ายกล้า
- เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 4-6 สัปดาห์ หรือมีความสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร และมีใบจริง 4-6 ใบ ให้ย้ายลงแปลงหรือกระถางที่เตรียมไว้
- เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 60-90 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 90-120 เซนติเมตร เนื่องจากมะเขือเทศบิ๊กบีฟมีทรงพุ่มค่อนข้างใหญ่
- การดูแลรักษา
- การรดน้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ วันละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเช้าหรือเย็น รดบริเวณโคนต้น หลีกเลี่ยงการรดน้ำโดนใบโดยตรง
- การให้ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วน เช่น ปุ๋ยสูตรเสมอ หรือปุ๋ยอินทรีย์ ทุก 3-4 สัปดาห์ เมื่อเริ่มติดผล ให้เพิ่มปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงเพื่อช่วยให้ผลมีคุณภาพดี
- การทำค้าง: เนื่องจากมะเขือเทศบิ๊กบีฟมีผลขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก จึงจำเป็นต้องทำค้างที่แข็งแรงเพื่อพยุงลำต้นและผล อาจใช้ไม้ไผ่ เชือก หรือตาข่าย การทำค้างจะช่วยให้ต้นไม่หักและผลไม่สัมผัสกับดิน ลดความเสี่ยงของการเกิดโรค
- การเด็ดยอด: เด็ดยอดแขนงที่งอกออกมาจากลำต้นหลัก เพื่อให้ต้นเน้นการเจริญเติบโตของผล และช่วยให้ทรงพุ่มโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี ลดความเสี่ยงของการเกิดโรค
- การป้องกันและกำจัดโรคแมลง: ตรวจสอบต้นอย่างสม่ำเสมอ หากพบโรคหรือแมลงให้รีบกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การใช้สารชีวภัณฑ์ หรือสารเคมีที่ปลอดภัย
- การเก็บเกี่ยว
- มะเขือเทศบิ๊กบีฟจะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากย้ายปลูกประมาณ 70-85 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และการดูแล
- เก็บเกี่ยวผลที่สุกเต็มที่ ซึ่งจะมีสีแดงสด ผิวเต่งตึง และเมื่อสัมผัสจะรู้สึกนิ่มเล็กน้อย