เมล็ดพันธุ์ มะเขือเทศจีบเหลือง

30 ฿

  • จำนวน 25 เมล็ด
  • เนื้อแน่น มีโพรงกลาง เหมาะสำหรับยัดไส้ (Stuffed Tomato)
  • ช่วยลดความดันโลหิต และบำรุงหัวใจ
  • เสริมภูมิคุ้มกัน และดีต่อระบบขับถ่าย
  • ใช้ตกแต่งขนมปัง แซนด์วิช หรือเมนูฟิวชัน

เมล็ดพันธุ์ มะเขือเทศจีบเหลือง 25 เมล็ด

มะเขือเทศจีบเหลือง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lycopersicon esculentum) เป็นมะเขือเทศสายพันธุ์ต่างประเทศที่มีจุดเด่นเรื่อง รูปร่างผลที่จีบเป็นชั้นๆ คล้ายฟักทองขนาดเล็ก และมีสีเหลืองทองสดใส เหมาะกับการตกแต่งจานอาหาร หรือใช้ทำเมนูพิเศษในร้านอาหาร

จัดอยู่ในกลุ่ม “Heirloom Tomatoes” หรือสายพันธุ์มะเขือเทศดั้งเดิมที่ไม่ได้ตัดแต่งพันธุกรรม

คุณสมบัติ

  • รูปร่าง มีจีบเป็นชั้นๆ คล้ายดอกไม้หรือฟักทองเล็ก

  • สีเหลืองสดใส บางผลออกสีเหลืองอมส้ม

  • เนื้อแน่น มีโพรงกลาง เหมาะสำหรับยัดไส้ (Stuffed Tomato)

  • รสชาติหวานอ่อนๆ อมเปรี้ยวนิดๆ กลิ่นหอม

  • มี ไลโคปีนชนิดพิเศษและเบต้าแคโรทีน ที่ให้สีเหลืองทอง

  • เป็นพันธุ์เปิด (open-pollinated) สามารถเก็บเมล็ดไปปลูกต่อได้

ประโยนช์ของมะเขือเทศจีบเหลือง

ด้านสุขภาพ:

  • มีสาร เบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงผิวและสายตา

  • อุดมด้วย วิตามิน A, C, K และโพแทสเซียม

  • มีสาร ไลโคปีนชนิดสีเหลือง ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ

  • ช่วยลดความดันโลหิต และบำรุงหัวใจ

  • เสริมภูมิคุ้มกัน และดีต่อระบบขับถ่าย

ทางอาหาร:

  • ใช้ทำเมนู ยัดไส้มะเขือเทศ (stuffed tomato) เช่น ไส้ชีส, เนื้อบด หรือธัญพืช

  • ผ่าครึ่งใช้ตกแต่งสลัดหรือจานอาหารให้ดูน่าสนใจ

  • รับประทานสดกับน้ำมันมะกอกและเกลือทะเล เป็นเมนูสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน

  • ใช้ตกแต่งขนมปัง แซนด์วิช หรือเมนูฟิวชัน

วิธีการปลูก

ปลูกง่ายในแปลงหรือกระถาง ต้องการแสงแดดจัดและดินร่วนระบายน้ำดี

  • เพาะเมล็ด:

    • แช่เมล็ดในน้ำอุ่นประมาณ 6–8 ชั่วโมง

    • เพาะในถาดหรือกระถางเล็ก รดน้ำให้ชุ่ม ใช้เวลา 7–10 วันงอก

  • ย้ายปลูก:

    • ย้ายลงกระถางใหญ่หรือแปลงเมื่อมีใบจริง 3–5 ใบ

    • ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50–60 ซม.

  • ดิน:

    • ดินร่วนผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ระบายน้ำได้ดี

    • ค่ากรด-ด่าง (pH) ควรอยู่ที่ 6.0–6.8

  • แสงแดด:

    • ต้องการแสงแดดจัดเต็มวันอย่างน้อย 6–8 ชม./วัน

  • การดูแล:

    • รดน้ำเช้า–เย็น สม่ำเสมอ ไม่ให้แฉะ

    • ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 10–14 วัน

    • ทำค้างหรือไม้พยุงต้น เนื่องจากลำต้นจะสูงและผลหนัก

    • คอยระวังเพลี้ย, หนอนเจาะผล และโรคใบไหม้

  • เก็บเกี่ยว:

    • เริ่มเก็บเกี่ยวได้หลังปลูกประมาณ 70–85 วัน

    • เลือกเก็บเมื่อผลสีเหลืองทองสด ผิวตึงแน่น และจีบสวย