เมล็ดพันธุ์ มะรุม 25 เมล็ด
มะรุม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Moringa oleifera) เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดจากแถบเอเชียใต้และแอฟริกา โดยมะรุมจะมีลักษณะเป็นต้นไม้ขนาดกลางที่สามารถเติบโตได้สูงถึง 10-12 เมตร ใบของมะรุมมีสีเขียวสดและเป็นแหล่งที่มีสารอาหารมากมาย มะรุมถือเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และได้รับการขนานนามว่า “ต้นไม้มหัศจรรย์” เพราะประโยชน์มากมายทั้งในด้านการใช้เป็นอาหารและยารักษาโรค
คุณสมบัติ
-
ลักษณะภายนอก: มะรุมเป็นต้นไม้ที่มีลำต้นตรง ใบของมันประกอบด้วยใบย่อยเล็กๆ ที่เรียงกันในรูปแบบของขนนก ดอกมีสีขาวและมีกลิ่นหอม เมล็ดของมะรุมมีลักษณะเป็นฝักยาว
-
เนื้อใบ: ใบมะรุมมีสีเขียวสดใสและมีรสขมเล็กน้อย แต่เมื่อใช้ในการปรุงอาหารหรือต้ม จะสามารถรับประทานได้อย่างดี
-
คุณค่าทางโภชนาการ: ใบมะรุมมีสารอาหารสูง เช่น วิตามิน A, C, E, แคลเซียม, โพแทสเซียม, เหล็ก, และโปรตีน นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงร่างกาย
-
เมล็ดและน้ำมัน: เมล็ดมะรุมสามารถใช้ในการผลิตน้ำมันมะรุมที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวและสุขภาพ นอกจากนี้ยังใช้ในการกรองน้ำหรือบำบัดน้ำเสีย
ประโยชน์ของมะรุม
-
บำรุงสุขภาพ:
-
เพิ่มพลังงาน: ใบมะรุมมีโปรตีนและสารอาหารที่สูง ช่วยเพิ่มพลังงานและลดความเหนื่อยล้า
-
เสริมภูมิคุ้มกัน: วิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระในใบมะรุมช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคต่างๆ
-
บำรุงกระดูกและฟัน: แคลเซียมและฟอสฟอรัสในมะรุมช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
-
ลดระดับน้ำตาลในเลือด: มะรุมมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
-
ปรับสมดุลการทำงานของไต: การบริโภคมะรุมสามารถช่วยปรับสมดุลการทำงานของไตและระบบขับถ่าย
-
-
การใช้ในความงาม:
-
น้ำมันมะรุมสามารถใช้เป็นมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อบำรุงผิวพรรณ ลดการอักเสบและบรรเทาผิวแห้ง
-
สารสกัดจากใบมะรุมช่วยลดการเกิดสิวและปรับสภาพผิวให้ดูดีขึ้น
-
-
ใช้ในการรักษาโรค: มะรุมถูกใช้ในทางการแพทย์แผนโบราณเพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ, และปัญหาการย่อยอาหาร
วิธีการปลูก
-
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม: มะรุมชอบแสงแดดและอากาศร้อน ควรปลูกในพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ตลอดทั้งวัน และสามารถเติบโตได้ในดินทั่วไปที่ระบายน้ำดี
-
การเตรียมดิน: ดินควรมีความร่วนซุยและสามารถระบายน้ำได้ดี มะรุมไม่ชอบดินแฉะ หากดินมีความเป็นกรดหรือด่างสูงจะเติบโตได้ดี
-
การปลูก: สามารถปลูกมะรุมได้ทั้งจากเมล็ดและการตอนกิ่ง แต่การปลูกจากเมล็ดจะทำให้ต้นมะรุมโตช้าในช่วงแรก การปลูกจากการตอนกิ่งจะได้ต้นที่โตเร็วและแข็งแรง
-
การดูแล: ควรรดน้ำให้สม่ำเสมอในช่วงที่ต้นยังเล็ก แต่ควรระวังไม่ให้น้ำขังในดิน เพราะจะทำให้รากเน่าได้
-
การใส่ปุ๋ย: ควรใส่ปุ๋ยบำรุงต้นทุก 2-3 เดือน โดยเลือกใช้ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูงเพื่อช่วยในการเจริญเติบโตของต้น
-
การตัดแต่ง: ตัดแต่งกิ่งที่แห้งหรือตายออก เพื่อให้ต้นมะรุมเจริญเติบโตได้ดี และเพิ่มการระบายอากาศ
-
การเก็บเกี่ยว: เมื่อมะรุมโตเต็มที่ สามารถเก็บใบมะรุมได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ต้นจะเจริญเติบโตเร็ว