เมล็ดพันธุ์ มะละกอฮอลแลนด์ 40 เมล็ด
มะละกอฮอลแลนด์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Carica papaya) เป็นสายพันธุ์มะละกอที่ได้รับความนิยมในเชิงพาณิชย์ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้เหมาะกับสภาพอากาศในไทย ลักษณะเด่นของมะละกอฮอลแลนด์คือ ผลมีขนาดกลางถึงใหญ่ เปลือกหนา เนื้อแน่น รสหวานจัด นิยมปลูกเพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ
คุณสมบัติ
-
ผลขนาดกลางถึงใหญ่: น้ำหนักเฉลี่ย 1.5 – 3 กิโลกรัม
-
เปลือกหนา สีเขียวอมเหลืองเมื่อสุก: ทำให้เก็บรักษาได้นาน และขนส่งสะดวก
-
เนื้อแน่น สีแดงอมส้ม: รสชาติหวาน 13-15 องศาบริกซ์
-
ให้ผลผลิตเร็ว: เริ่มให้ผลผลิตภายใน 7-9 เดือนหลังปลูก
-
ทนทานต่อโรค: โดยเฉพาะโรคไวรัสจุดวงแหวน
-
อายุการเก็บเกี่ยวยาวนาน: สามารถเก็บผลผลิตได้นาน 3-4 ปี
ประโยชน์ของมะละกอฮอลแลนด์
1. ด้านอาหาร
-
ผลดิบ: นำไปใช้ทำส้มตำ ผัด แกงส้ม
-
ผลสุก: หวานฉ่ำ นิยมรับประทานสด หรือแปรรูปเป็นน้ำมะละกอ
-
เมล็ด: มีรสเผ็ด สามารถบดใช้แทนพริกไทย
2. ด้านสุขภาพ
-
อุดมไปด้วย วิตามิน A และ C ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
-
เอนไซม์ปาเปน (Papain) ช่วยย่อยโปรตีน และบำรุงระบบทางเดินอาหาร
-
มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
-
ไฟเบอร์สูง ช่วยในการขับถ่ายและล้างสารพิษในร่างกาย
3. ด้านการเกษตรและเศรษฐกิจ
-
ให้ผลผลิตสูง และมีความต้องการในตลาด
-
เก็บรักษาได้นาน ขนส่งสะดวก เหมาะกับการส่งออก
-
เป็นพืชที่ดูแลง่าย และสร้างรายได้ให้เกษตรกร
วิธีการปลูก
1. การเตรียมดินและสถานที่ปลูก
-
ควรปลูกในดินร่วนซุยที่ระบายน้ำดี
-
ค่า pH ของดินควรอยู่ระหว่าง 5.5-6.5
-
ควรได้รับแสงแดดเต็มวันเพื่อให้ต้นเติบโตได้ดี
2. วิธีการปลูก
-
เพาะเมล็ด: แช่เมล็ดในน้ำอุ่น 24 ชั่วโมงก่อนนำไปเพาะในถุงเพาะชำ รอให้ต้นกล้าแข็งแรง (ประมาณ 1 เดือน) ก่อนย้ายลงแปลง
-
ปลูกลงดิน: เว้นระยะห่าง 2.5-3 เมตรต่อต้น
-
รองก้นหลุม: ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มสารอาหารในดิน
3. การดูแลรักษา
-
รดน้ำ: วันละครั้งในช่วงเช้าหรือเย็น
-
ใส่ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 2 สัปดาห์ และเสริมปุ๋ยสูตร 13-13-21 เพื่อเร่งการออกผล
-
ตัดแต่งกิ่ง: เพื่อลดการเกิดโรคและช่วยให้ต้นแข็งแรง
-
ป้องกันโรคและแมลง: ระวังโรคไวรัสจุดวงแหวนและเพลี้ยแป้ง โดยใช้สารชีวภาพหรือสารป้องกันโรคพืช