เมล็ดพันธุ์ มะละกอพื้นบ้าน 50 เมล็ด
มะละกอพื้นบ้าน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Carica papaya) เป็นสายพันธุ์มะละกอที่มีการปลูกกันมาอย่างยาวนานในประเทศไทย มีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากมะละกอพันธุ์พาณิชย์ เช่น แขกดำ แขกนวล หรือฮอลแลนด์ มะละกอพื้นบ้านมักมีลักษณะต้นสูง แข็งแรง ทนทานต่อโรค และให้ผลผลิตต่อเนื่อง นิยมใช้ทั้งในรูปแบบผลดิบและผลสุก
คุณสมบัติ
-
ต้นสูงและแข็งแรง: บางต้นอาจสูงถึง 3-4 เมตร
-
ใบใหญ่และหนา: ช่วยในการสังเคราะห์แสงและลดการคายน้ำ
-
ทนต่อโรคและแมลง: มีความต้านทานโรคไวรัสจุดวงแหวนและเพลี้ยแป้งได้ดี
-
ผลขนาดกลางถึงใหญ่: น้ำหนักเฉลี่ย 1-2 กิโลกรัม
-
เนื้อแน่นและกรอบเมื่อดิบ: เหมาะสำหรับทำส้มตำและแกง
-
รสชาติหวานหอมเมื่อสุก: มีความหวานประมาณ 10-12 องศาบริกซ์
ประโยชน์ของมะละกอพื้นบ้าน
1. ด้านอาหาร
-
ผลดิบ: ใช้ทำส้มตำ ผัด ต้ม แกง เช่น ตำไทย ตำลาว หรือแกงส้ม
-
ผลสุก: สามารถรับประทานเป็นผลไม้สด หรือแปรรูปเป็นน้ำมะละกอ
-
ใบมะละกอ: ใช้ประกอบอาหาร เช่น นำมาต้มหรือหั่นฝอยใส่แกง
2. ด้านสุขภาพ
-
เอนไซม์ปาเปน (Papain) ช่วยย่อยอาหารและลดอาการท้องอืด
-
วิตามิน A และ C สูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสายตา
-
ไฟเบอร์สูง ช่วยในระบบขับถ่ายและล้างพิษในลำไส้
-
สารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง
3. ด้านการเกษตรและเศรษฐกิจ
-
เป็นพืชที่ดูแลง่าย ลงทุนน้อย และให้ผลผลิตต่อเนื่อง
-
สามารถปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือนหรือจำหน่ายในตลาดท้องถิ่น
-
ใช้เป็นพืชแซมในสวนผลไม้หรือเกษตรผสมผสาน
วิธีการปลูก
1. การเตรียมดินและสถานที่ปลูก
-
ควรปลูกในดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี
-
ค่า pH ของดินควรอยู่ที่ 5.5-6.5
-
ควรปลูกในที่โล่งแจ้งที่ได้รับแสงแดดเต็มวัน
2. วิธีการปลูก
-
เพาะเมล็ด: แช่เมล็ดในน้ำอุ่น 24 ชั่วโมงก่อนเพาะในถุงเพาะชำ รอให้กล้าแข็งแรงประมาณ 1 เดือนก่อนย้ายปลูก
-
ปลูกลงดิน: เว้นระยะห่าง 2-3 เมตรต่อต้น เพื่อให้ต้นเติบโตได้ดี
-
รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มสารอาหารในดิน
3. การดูแลรักษา
-
รดน้ำ: รดน้ำวันละ 1 ครั้งในช่วงเช้าหรือเย็น
-
ใส่ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกทุก 2 สัปดาห์ เสริมปุ๋ยสูตร 13-13-21 เพื่อกระตุ้นการออกผล
-
ตัดแต่งกิ่ง: เพื่อลดการเกิดโรคและช่วยให้ต้นแข็งแรง
-
ป้องกันโรคและแมลง: ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น การปลูกพืชสมุนไพรไล่แมลงหรือใช้สารชีวภาพ