เมล็ดพันธุ์ มะละกอแขกดำ 40 เมล็ด
มะละกอแขกดำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Carica papaya) เป็นสายพันธุ์มะละกอที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เนื่องจากให้ผลผลิตสูง มีผลขนาดกลางถึงใหญ่ เปลือกผลดิบมีสีเขียวเข้ม เนื้อสีแดงส้ม รสหวานฉ่ำ นิยมรับประทานทั้งผลดิบและผลสุก
คุณสมบัติ
-
ผลใหญ่และเนื้อแน่น: น้ำหนักเฉลี่ยของผลอยู่ที่ 1.5 – 2 กิโลกรัม
-
เปลือกหนา ทนต่อการขนส่ง: ช่วยให้เก็บรักษาได้นานกว่า
-
รสชาติหวาน: มีความหวานประมาณ 12-14 องศาบริกซ์ (Brix)
-
ให้ผลผลิตเร็ว: เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุประมาณ 6-8 เดือน
-
ต้นเตี้ย ดูแลง่าย: ทำให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว
ประโยชน์ของมะละกอแขกดำ
1. ด้านอาหาร
-
ผลดิบ: ใช้ทำส้มตำ ผัด ต้ม หรือแกง เช่น ตำไทย ตำปูปลาร้า แกงส้มมะละกอ
-
ผลสุก: รับประทานเป็นผลไม้สด หรือทำเป็นสมูทตี้ น้ำมะละกอ และของหวาน
-
เมล็ดมะละกอ: มีรสเผ็ดเล็กน้อย สามารถนำมาบดใช้แทนพริกไทยได้
2. ด้านสุขภาพ
-
อุดมไปด้วย วิตามิน A, C, และ E ช่วยบำรุงผิวและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
-
มี เอนไซม์ปาเปน (Papain) ช่วยย่อยอาหาร โดยเฉพาะโปรตีน
-
ไฟเบอร์สูง ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและล้างพิษในลำไส้
-
ช่วยลดการอักเสบในร่างกายและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
3. ด้านการเกษตรและเศรษฐกิจ
-
เป็นพืชที่ให้ผลผลิตเร็วและต่อเนื่อง สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
-
ต้นมะละกอช่วยป้องกันการชะล้างหน้าดิน
-
เป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อยเมื่อเติบโตเต็มที่
วิธีการปลูก
1. การเตรียมดินและสถานที่ปลูก
-
เลือกดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี
-
ควรปลูกในที่มีแสงแดดเต็มวัน
-
ค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน (pH) ควรอยู่ระหว่าง 5.5-6.5
2. วิธีการปลูก
-
เพาะเมล็ด: นำเมล็ดแช่น้ำอุ่น 24 ชั่วโมง แล้วเพาะในถุงเพาะชำ รอให้กล้าโตประมาณ 1 เดือนก่อนย้ายลงแปลง
-
ปลูกลงดิน: เว้นระยะห่าง 2-3 เมตรต่อต้น เพื่อให้ได้รับแสงแดดเพียงพอ
-
คลุมดิน: ใช้ฟางข้าวหรือหญ้าแห้งคลุมดินเพื่อลดการระเหยของน้ำ
3. การดูแลรักษา
-
รดน้ำ: ทุกวันในช่วง 1-2 เดือนแรก หลังจากนั้นรดน้ำวันเว้นวัน
-
ใส่ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยอินทรีย์ทุก 2 สัปดาห์ และปุ๋ยสูตร 13-13-21 เพื่อเพิ่มผลผลิต
-
ตัดแต่งกิ่ง: เพื่อลดการเกิดโรคและช่วยให้ต้นแข็งแรง
-
ป้องกันโรคและแมลง: ระวังโรคไวรัสจุดวงแหวน และเพลี้ยแป้ง โดยใช้สารชีวภาพป้องกัน