เมล็ดพันธุ์ ดอกชงโค จำนวน 40 เมล็ด
ดอกชงโค (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bauhinia purpurea) เป็นไม้ดอกในวงศ์ Fabaceae หรือวงศ์ถั่ว มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่นิยมปลูกเพื่อความสวยงามและให้ร่มเงา ดอกมีลักษณะคล้ายกล้วยไม้ จึงถูกเรียกว่า กล้วยไม้ต้น หรือ กล้วยไม้ป่า
คุณสมบัติ
-
เป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่หรือไม้ยืนต้น สูงประมาณ 3-10 เมตร
-
ใบมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจหรือใบแฝด ปลายแยกออกเป็นสองแฉก
-
ดอกมีขนาด 5-10 ซม. สีชมพู ม่วง หรือขาว มีกลีบดอก 5 กลีบ
-
ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
-
ออกดอกมากในช่วงปลายฝนถึงฤดูหนาว (ตุลาคม – กุมภาพันธ์)
-
ติดฝักยาว 10-15 ซม. เมื่อแก่จะแตกออกเป็นสองซีก
-
เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนและกึ่งร้อน
ประโยชน์ของดอกชงโค
-
ด้านความสวยงาม
-
นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามสวนสาธารณะ ริมถนน และบริเวณบ้าน
-
ดอกมีสีสวยงามและออกดอกจำนวนมากในฤดูหนาว
-
-
ด้านสิ่งแวดล้อม
-
ให้ร่มเงา ลดอุณหภูมิ และช่วยดูดซับฝุ่นละอองในอากาศ
-
ระบบรากช่วยยึดหน้าดิน ป้องกันการพังทลาย
-
-
ด้านสมุนไพร
-
ใบใช้ต้มน้ำดื่ม ช่วยขับปัสสาวะและแก้ท้องผูก
-
ดอกมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยบำรุงเลือด
-
เปลือกต้นใช้รักษาแผลและแก้อาการท้องเสีย
-
-
ด้านอาหาร
-
ใบอ่อนและดอกอ่อนสามารถนำมาลวกกินกับน้ำพริก
-
ฝักอ่อนใช้ทำแกงหรือผัดกับเนื้อสัตว์
-
วิธีการปลูก
-
เตรียมดิน
-
ใช้ดินร่วนซุย หรือดินปนทรายที่มีการระบายน้ำดี
-
สามารถเติบโตได้ในดินที่มีความเป็นกรดหรือด่างเล็กน้อย
-
-
การขยายพันธุ์
-
เพาะเมล็ด เป็นวิธีที่นิยมและได้ต้นกล้าแข็งแรง
-
ปักชำกิ่ง และ ตอนกิ่ง สามารถทำได้แต่ใช้เวลานานกว่าการเพาะเมล็ด
-
-
การปลูก
-
หากปลูกลงดิน ควรเว้นระยะห่าง 3-5 เมตร
-
ควรปลูกในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มวัน
-
-
การดูแล
-
รดน้ำวันละครั้ง แต่หลีกเลี่ยงการให้น้ำขัง
-
ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอก ทุก 2-3 เดือน
-
ตัดแต่งกิ่งหลังออกดอกเพื่อกระตุ้นการแตกยอดใหม่
-
-
การเก็บเกี่ยว
-
หากใช้เป็นสมุนไพร ควรเก็บใบ ดอก และเปลือกต้นในช่วงที่ต้นเจริญเติบโตเต็มที่
-
ใบและดอกสามารถนำไปตากแห้งเพื่อเก็บไว้ใช้ภายหลัง
-