เมล็ดพันธุ์ ดอกชงโค

30 ฿

  • จำนวน 40 เมล็ด
  • ออกดอกมากในช่วงปลายฝนถึงฤดูหนาว (ตุลาคม – กุมภาพันธ์)
  • เปลือกต้นใช้รักษาแผลและแก้อาการท้องเสีย
  • ดอกมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยบำรุงเลือด
  • ให้ร่มเงา ลดอุณหภูมิ และช่วยดูดซับฝุ่นละอองในอากาศ

เมล็ดพันธุ์ ดอกชงโค จำนวน 40 เมล็ด

ดอกชงโค (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bauhinia purpurea) เป็นไม้ดอกในวงศ์ Fabaceae หรือวงศ์ถั่ว มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่นิยมปลูกเพื่อความสวยงามและให้ร่มเงา ดอกมีลักษณะคล้ายกล้วยไม้ จึงถูกเรียกว่า กล้วยไม้ต้น หรือ กล้วยไม้ป่า

คุณสมบัติ

  • เป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่หรือไม้ยืนต้น สูงประมาณ 3-10 เมตร

  • ใบมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจหรือใบแฝด ปลายแยกออกเป็นสองแฉก

  • ดอกมีขนาด 5-10 ซม. สีชมพู ม่วง หรือขาว มีกลีบดอก 5 กลีบ

  • ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ

  • ออกดอกมากในช่วงปลายฝนถึงฤดูหนาว (ตุลาคม – กุมภาพันธ์)

  • ติดฝักยาว 10-15 ซม. เมื่อแก่จะแตกออกเป็นสองซีก

  • เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนและกึ่งร้อน

ประโยชน์ของดอกชงโค

  • ด้านความสวยงาม

    • นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามสวนสาธารณะ ริมถนน และบริเวณบ้าน

    • ดอกมีสีสวยงามและออกดอกจำนวนมากในฤดูหนาว

  • ด้านสิ่งแวดล้อม

    • ให้ร่มเงา ลดอุณหภูมิ และช่วยดูดซับฝุ่นละอองในอากาศ

    • ระบบรากช่วยยึดหน้าดิน ป้องกันการพังทลาย

  • ด้านสมุนไพร

    • ใบใช้ต้มน้ำดื่ม ช่วยขับปัสสาวะและแก้ท้องผูก

    • ดอกมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยบำรุงเลือด

    • เปลือกต้นใช้รักษาแผลและแก้อาการท้องเสีย

  • ด้านอาหาร

    • ใบอ่อนและดอกอ่อนสามารถนำมาลวกกินกับน้ำพริก

    • ฝักอ่อนใช้ทำแกงหรือผัดกับเนื้อสัตว์

วิธีการปลูก

  • เตรียมดิน

    • ใช้ดินร่วนซุย หรือดินปนทรายที่มีการระบายน้ำดี

    • สามารถเติบโตได้ในดินที่มีความเป็นกรดหรือด่างเล็กน้อย

  • การขยายพันธุ์

    • เพาะเมล็ด เป็นวิธีที่นิยมและได้ต้นกล้าแข็งแรง

    • ปักชำกิ่ง และ ตอนกิ่ง สามารถทำได้แต่ใช้เวลานานกว่าการเพาะเมล็ด

  • การปลูก

    • หากปลูกลงดิน ควรเว้นระยะห่าง 3-5 เมตร

    • ควรปลูกในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มวัน

  • การดูแล

    • รดน้ำวันละครั้ง แต่หลีกเลี่ยงการให้น้ำขัง

    • ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอก ทุก 2-3 เดือน

    • ตัดแต่งกิ่งหลังออกดอกเพื่อกระตุ้นการแตกยอดใหม่

  • การเก็บเกี่ยว

    • หากใช้เป็นสมุนไพร ควรเก็บใบ ดอก และเปลือกต้นในช่วงที่ต้นเจริญเติบโตเต็มที่

    • ใบและดอกสามารถนำไปตากแห้งเพื่อเก็บไว้ใช้ภายหลัง